วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่3

31/09/63
 



วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาได้แนะนำชื่อตัวเองโดยมีการคิดท่าทางประกอบแบบไม่ใช้เสียง ใช้แค่มือ ข้อมือ ขา ให้เราคิดไอเดียขึ้นมาเอง และได้สอนเรื่อง EF

  EF (Executive Functions) คือ การทำงานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสำเร็จในชีวิต โดยอาศัยกระบวนการทางปัญญา (cognitive process) ต่างๆ เช่น การยับยั้งความคิด การแก้ปัญหา กาวางเป้าหมาย การวางแผนการปฏิบัติ (goal-directed behavior) การจดจำ ความยืดหยุ่นทางปัญญา (cognitive flexibility) เป็นความสามารถในการควบคุมความคิดตนเอง เช่น มีรูปแบบความคิดที่หลากหลาย การคิดนอกกรอบ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและความสนใจตามสถานการณ์ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งที่ซับซ้อน
        กระบวนการทางปัญญาเหล่านี้สามารถพัฒนาได้ในวัยเด็กตอนต้น ผ่านกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะด้านสังคม อารมณ์ และร่างกายเพื่อช่วยส่งเสริม EF ให้ดีขึ้น เช่นการเล่นดนตรี เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของ EF เพราะต้องอาศัยทักษะต่างๆ เช่น การมีสมาธิอย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่นทางปัญญา การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน (task switching)
        มีผลงานวิจัยใหม่ ๆ ที่สนับสนุนเรื่องการฝึกเล่นดนตรีอาจช่วยให้พัฒนา EF ได้ โดยทีมนักวิจัยจาก Laboratories of Cognitive Neuroscience จาก Boston Children’s Hospital ในรัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างในผู้ใหญ่ที่เป็นนักดนตรี และผู้ที่ไม่ได้เป็นนักดนตรี พบว่า ผู้ที่เป็นนักดนตรี สามารถทำการทดสอบได้ดีกว่า ในด้านความคล่องทางภาษา (verbal fluency) เช่น สามารถคิดคำศัพท์แยกตามประเภท, ความคล่องที่ไม่ใช่ภาษา (design fluency) เช่น การวาดรูปสัญลักษณ์ และรูปทรงต่างๆ และ การจำตัวเลขย้อนกลับ (backward digit span)
        ส่วนกลุ่มตัวอย่างในเด็ก งานวิจัยได้เปรียบเทียบเด็กที่เรียนดนตรี และเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี พบว่า เด็กที่เรียนดนตรีสามารถทำการทดสอบได้ดีกว่าด้านการทำงานประสานกันระหว่างมือและสายตาในการลอกเลียนแบบสัญลักษณ์ (coding) ความคล่องทางภาษา (verbal fluency) และ trail making เช่น การลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างวงกลมกับตัวเลขสลับกัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ใช้การสแกนสมองแบบ fMRI พบว่าสมองส่วน prefrontal cortex ในเด็กที่เรียนดนตรีมีการทำงาน (activation) มากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี
        เนื่องจากงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยแบบตัดขวาง (cross-sectional study) ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการเรียนดนตรีจะสามารถพัฒนา EF ให้ดีมากขึ้น ยังต้องการผลการวิจัยแบบระยะยาว (longitudinal study) มารองรับด้วย
        
       ทั้งนี้ มีงานวิจัยชัดเจนว่า เด็กในช่วงวัย 3-6 ปี จะเป็นช่วงเวลาทองของชีวิตในการพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก เพราะสมองจะมีการพัฒนาทักษะ EF ได้ดี ที่สุด หากพ้นจากช่วงเวลานี้ไปถึงวัยเรียน วัยรุ่น หรือ วัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้จะยังพัฒนาได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงปฐมวัย



 EF หรือ Executive Functions จะประกอบด้วย ทักษะ 9 ด้าน คือ 

กลุ่มทักษะพื้นฐาน
    1. Working memory = ความจำที่นำมาใช้งาน หรือ ความสามารถในการเก็บประมวล และดึงข้อมูลที่เก็บในคลังสมองออกมาใช้ตามสถานการณ์ที่ต้องการ
    2. Inhibitory Control = ความสามารถในการยั้งคิดไตร่ตรองควบคุมแรงอยาก หยุดคิดก่อนที่จะทำหรือพูด
    3. Shiftingหรือ Cognitive Flexibility = ความสามารถในการยืดหยุ่น พลิกแพลง ปรับตัว เป็นจุดตั้งต้นของการคิดนอกกรอบ คิดสร้างสรรค์

กลุ่มทักษะกำกับตนเอง
    4. Focus Attention = ความสามารถในการใส่ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่วอกแวก
    5. Emotional Control = ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับอารมณ์ไม่ให้รบกวนผู้อื่น ไม่โกรธเกรี้ยวฉุนเฉียว ขี้หงุดหงิดง่าย จัดการกับความเครียดความเหงาได้ มีอารมณ์มั่นคง และแสดงออกแบบที่ไม่รบกวนผู้อื่น 
    6. Self-Monitoring = คือ การประเมินตนเองรวมถึงสะท้อนผลการทำงาน เพื่อหาจุดบกพร่อง แล้วแก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้น การวางแผนและการจัดระบบดำเนินการ เริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การเห็นภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ จัดระบบโครงสร้าง จนถึงการแตกเป้าหมาย ให้เป็นขั้นตอน รวมถึงรู้ตัวว่า กำลังทำอะไร  ได้ผลอย่างไร 

กลุ่มทักษะปฏิบัติ
    7. Initiating = ความสามารถในการริเริ่มและลงมือทำ กล้าคิดกล้าทำ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
    8. Planning and Organizing = การวางแผนและดำเนินการตั้งแต่ตั้งเป้าหมาย เห็นภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ จัดระบบ จนถึงการดำเนินการ และประเมินผล
    9. Goal- Directed Persistence = ความพากเพียรให้บรรลุเป้าหมายมุ่งมั่น ฝ่าฟันอุปสรรคและล้มแล้วลุกได้ เมื่อตั้งใจและลงมือทำแล้ว มีความมุ่งมั่นบากบั่นไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ก็พร้อมฝ่าฟันจนถึงความสำเร็จ

        ทักษะเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในชีวิตประจำวัน ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน เพื่อให้เกิดการ “ฝังชิป” เป็นโครงสร้างในสมองของเด็ก โดยเฉพาะในวัย 3-6 ปี ซึ่งเมื่อฝังตัวแล้วก็จะคงอยู่เป็นนิสัยหรือคุณสมบัติของบุคคลไปตลอดชีวิต



และอาจารย์ก็ได้สอนร้องเพลง

                                                           เพลงทักษะพื้นฐาน
                                                 แต่งโดยดร.จินตนา สุขสำราญ

                          ทักษะ ทักษะพื้นฐาน เรื่องราวเล่าขานความจำเพื่อใช้งาน
                        ตรึกตรองชั่งใจนานนาน (ซ้ำ) ยืดหยุ่นสำราญคิดนอกกรอบเอย(ซ้ำ)


                                                         
ทักษะกำกับตนเอง
                                                   แต่งโดยดร.จินตนา สุขสำราญ


                                        จดจ่อ สมาธิมั่น ควบคุมนั้นหนาอารมณ์ตนเอง
                                 ทบทวน ทบทวนโดยพลัน(ซ้ำ) อย่าหุนหันปรับแก้ให้ดี(ซ้ำ)


                                                                 ทักษะปฏิบัติ
                                                      แต่งโดยดร.จินตนา สุขสำรา
                                        คิดแล้วต้องลงมือ วางแผนนั้นหรือเพื่อดำเนินการ
                        พากเพียร พากเพียรจนนชำนาญ(ซ้ำ) สุข...สราญบรรลุเป้าไปเลย(ซ้ำ)
การประเมิน
 ตนเอง: มีความตรงต่อเวลา และตั้งใจฟังเรื่องที่อาจารย์สอน
 อาจารย์: มีการทำกิจกรรมก่อนเรียนที่ช่วยทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ
 เพื่อน: เพื่อนๆมีความระตือรือร้นในการทำกิจกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น